tag:blogger.com,1999:blog-41114883363788560962024-02-08T09:43:10.339-08:00การเขียนบรรณานุกรมpatchahttp://www.blogger.com/profile/18322543170287146809noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-4111488336378856096.post-30335427653142296172007-10-28T23:22:00.000-07:002007-10-28T23:22:51.427-07:00ส่วนต่างๆของหนังสือ<div align="left"><span style="font-family:courier new;color:#cc33cc;"></span> </div><span style="font-family:courier new;color:#cc33cc;">ส่วนต่าง ๆ ของหนังสือ</span><br /><span style="font-family:courier new;">หนังสือโดยทั่ว ไปมักประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่ผู้อ่านควรทราบเพื่อประโยชน์ในการเลือกอ่านและศึกษาค้นคว้า จัดเรียงลำดับได้ดังนี้<br />1. ใบหุ้มปก<br />2. ปกนอก<br />3. ใบยึดปก<br />4. ใบรองปก<br />5. หน้าชื่อเรื่อง<br />6. หน้าภาพพิเศษ<br />7. หน้าปกใน<br />8. ปีลิขสิทธิ์<br />9. คำอุทิศ<br />10. คำนำ<br />11. ประกาศคุณูปการ<br />12. สารบาญ<br />13. รายชื่อภาพประกอบ<br />14. เนื้อหาของหนังสือ<br />15. เชิงอรรถ<br />16. บรรณานุกรม<br />1. ส่วนปก ประกอบด้วย<br /><br />ใบหุ้มปก ( Book jacket )<br /> <br />คือ ส่วนที่หุ้มปกนอกของหนังสือ มีลักษณะเป็นกระดาษที่ออกแบบตกแต่งให้มีลวดลาย<br />สีสันสวยสะดุดตา จึงมี ชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง อยู่ด้านหลัง ส่วนด้านหลังหรือส่วนที่พับเข้าข้างในมักจะเป็นประวัติสั้น ๆ ของผู้แต่งและผลงาน รวมทั้งมีเรื่องย่อ หรือคำวิจารณ์หนังสือเล่มนั้น ดังนั้น ใบหุ้มปกนอกจากจะช่วยให้หนังสือ โดยเฉพาะปกนอกใหม่และสะอาดแล้ว ยังดึงดูดความสนใจให้คนอยากอ่าน และให้ความรู้เกี่ยวกับหนังสือและผู้แต่งอีกด้วย<br /><br />ปกนอก ( Cover )<br /> คือ ส่วนที่หุ้มเนื้อเรื่องทั้งหมดรวมเข้าเป็นเล่มหนังสือประกอบเข้าด้วยกัน อาจเป็นปกแข็งหรือปกอ่อนก็ได้ หนังสือบางเล่มอาจมีชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง อยู่บนหน้าปก หรือตรงส่วนที่เป็นหนังสือ ซึ่งเป็นส่วนที่มองเห็นได้เมื่อหนังสือถูกจัดเรียงอยู่บนชั้น หนังสือปกอ่อน ซึ่งโดยปกติจะไม่มี ใบหุ้มปก จะมีชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง ชื่อสำนักพิมพ์และปีที่พิมพ์ไว้ครบถ้วน ลักษณะการออกแบบ ปกอ่อน จะเน้นทางด้านความสวยงาม และสะดุดตาเช่นเดียวกับใบหุ้มปก<br /><br />ใบยึดปก ( End papers )<br /> คือ ส่วนที่อยู่ถัดปกนอกเข้ามาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำหน้าที่ยึดปกนอกกับตัวเล่มหนังสือเข้าด้วยกัน จึงมักเป็นกระดาษที่มีคุณภาพเหนียวและทนทาน โดยมากไม่มีข้อความใด ๆ บนใบยึดปก แต่หนังสือบางเล่มอาจมีภาพแผนที่ แผนภูมิ หรือเครื่องหมายของสำนักพิมพ์ อยู่ที่<br />ใบยึดปก<br /><br /> ใบรองปก ( Fly leaves ) <br /><br /> เป็นหน้ากระดาษเปล่า ที่ไม่มีข้อความใด ๆ อยู่ถัดจากใบยึดปก ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยเสริมให้หนังสือแข็งแรงยิ่งขึ้น<br /><br />2. ส่วนหน้า ประกอบด้วย<br /><br />หน้าชื่อเรื่อง ( Halftitle page ) <br />คือ หน้าที่อยู่ถัดจากใบรองปก มีเพียงชื่อเรื่องของหนังสือ หนังสือบางเล่มไม่มีหน้าชื่อเรื่อง<br /><br />หน้าภาพพิเศษ( Frontispiece )<br />คือ หน้าที่มีภาพสำคัญในเล่ม เป็นภาพขนาดใหญ่เต็มหน้าหันหน้าภาพเข้าหาปกใน คือหน้าภาพพิเศษจะอยู่ทางด้านซ้าย และหน้าปกในอยู่ทางด้านขวา ภาพในหน้าภาพพิเศษอาจจะเป็นภาพบุคคลสำคัญถ้าเป็นหนังสือ ชีวประวัติ ภาพงานศิลปชิ้นเด่นๆ ถ้าเป็นหนังสือทางด้าน<br />ศิลปกรรม เป็นต้น<br /><br />หน้าปกใน ( Title page )<br />จัดว่าเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของหนังสือ เพราะให้รายละเอียดทางบรรณานุกรมของหนังสือเล่มนั้นๆอย่างสมบูรณ์ ได้แก่ ชื่อเรื่อง และชื่อรองหรือคำอธิบาย ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ซึ่งอาจจะเป็นนามจริงหรือนามแฝง หนังสือทางวิชาการจะลงนามจริงของผู้พร้อมทั้งแจ้งคุณวุฒิตำแหน่งหน้าที่การงานและชื่อเล่มสำคัญๆ ของผู้แต่งนั้นๆ ถ้าหนังสือนั้นมีผู้แต่งร่วม ผู้วาดภาพประกอบ ผู้แปล ผู้รวบรวมหรือบรรณาธิการ ก็จะมีชื่อคนเหล่านั้นอยู่ในหน้าปกในด้วย นอกจากนี้จะแจ้ง ครั้งที่พิมพ์ และ พิมพ์ลักษณ์ ได้แก่ สถานที่พิมพ์ สำนักพิมพ์หรือผู้จัดพิมพ์ และปีที่พิมพ์<br /><br />ปีลิขสิทธิ์ ( Copyright date ) <br />โดยมากมักจะปรากฏอยู่ด้านหลังของหน้าปกใน และบางครั้งจะอยู่หน้าเดียวกับหน้าปก ปีลิขสิทธิ์ คือปีที่หนังสือ เล่มนั้น ๆ ได้รับลิขสิทธิ์ในการจัดพิมพ์ พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบว่าใครเป็น ผู้ถือลิขสิทธิ์หนังสือเล่มนั้น หากผู้อื่นต้องการจะนำหนังสือนั้นไปพิมพ์เผยแพร่ จะต้องติดต่อ ขออนุญาตจากผู้ถือลิขสิทธิ์เสียก่อน มิฉะนั้น จะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์จากผู้เขียน หนังสือ ต่างประเทศทุกเล่มจะมีปีลิขสิทธิ์ แต่หนังสือภาษาไทยมีเพียงบางเล่มเท่านั้น<br /><br />คำอุทิศ (Dedication) <br />หนังสือบางเล่มที่มีคำอุทิศของผู้แต่ง แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีบุญคุณ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือในการเขียนหนังสือเล่มนั้น คำอุทิศเป็นข้อเขียนสั้น ๆ จะปรากฏในปกหน้า ต่อจากหน้าปกใน<br /> <br />คำนำ ( Preface Foreword Introduction ) <br /> ใช้เรียกต่าง ๆ กันในคำภาษาอังกฤษ และความหมายก็ผิดเพี้ยนกันบ้างเล็กน้อย คำว่า Foreword นั้น เป็นข้อเขียนแจ้งให้ผู้อ่านทราบเกี่ยวกับจุดมุ่งหมาย ขอบเขต และการจัดลำดับ เรื่องราวของหนังสือเล่มนั้น รวมทั้งกล่าวขอบคุณผู้ที่ให้ความช่วย เหลือต่อผู้เขียน บางครั้งใช้คำว่า Foreword แทนคำว่า Preface ถ้าข้อเขียนนั้นผู้หนังสือเล่มนั้นไม่ได้เขียนเอง แต่ไปขอให้ผู้อื่นเขียน โดยมากมักจะเขียนโดยผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้มีชื่อเสียงในสาขาวิชาที่เกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้น ข้อเขียนนั้นมักจะเป็นคำยกย่อง ชมเชย และแนะนำหนังสือต่อผู้อ่าน<br /> หนังสือบางเล่มเรียกข้อเขียนนี้ว่า คำนิยม ส่วนคำว่า Introduction นั้น เป็นความนำที่ ผู้เขียนนำผู้อ่านเข้าสู่เนื้อเรื่อง ให้ขอบเขตและเนื้อหาสาระของหนังสือโดยตลอด จึงเป็นส่วนแรกของหนังสือที่ผู้อ่านทุกคนควรจะอ่าน หนังสือทางวิชาการทุกเรื่องควรจะต้องมี คำนำ (Introduction) ส่วน คำนำหรือคำนิยม (Preface, Foreword) จะมีหรือไม่มีก็ได้<br /><br />ประกาศคุณูปการ (Acknowledgement) <br />คือ ข้อความที่ผู้เขียนกล่าวขอบคุณผู้ช่วยเหลือและให้ความร่วมมือ ในการเขียนหนังสือเล่มนั้น บางครั้งอาจเขียนคำกล่าวขอบคุณรวมอยู่กับคำประกาศคุณูปการนี้ บางแห่งเรียกว่า <br />กิติกรรมประกาศ จะอยู่ในหน้าถัดจากหน้าคำนำ<br /> <br />สารบาญ หรือสารบัญ (Table of Contents)<br />จะเป็นหน้าที่มาก่อนส่วนที่เป็นเนื้อหาของหนังสือ บอกเนื้อหาสาระของหนังสือด้วยการแบ่งออกเป็นบท เป็นตอน ตามลำดับที่ปรากฏในหนังสือ ผู้อ่านควรอ่านสารบัญของหนังสือก่อนเพื่อที่จะได้ทราบหนังสือเล่มนั้น ๆ มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับอะไร โดยสังเขป และเรื่องใดอยู่ตอนใดหรือบทใดที่ต้องการได้อย่างสะดวก<br /> <br />รายชื่อภาพประกอบ (Lists of illustrations maps , charts , tables , etc )<br /> หนังสือบางเล่มมีภาพ แผนที่ แผนภูมิ ตารางประกอบ และผู้เขียนต้องการหนังสือให้<br />ผู้อ่านทราบว่ามีอะไรบ้าง และอยู่ในหน้าใดของหนังสือ เพื่อจะหาสิ่งที่ต้องการได้รวดเร็วขึ้น ก็จะจัดทำรายชื่อหรือสารบัญ ภาพประกอบ แผนที่แผนภูมิ หรือตารางแยกเป็นหน้า ๆ ไป รายชื่อหรือสารบัญเหล่านี้จะอยู่ต่อจากสารบัญของเรื่อง<br /><br /><br />เนื้อหาของหนังสือ (text )<br />ส่วนสำคัญของหนังสือ บรรจุรายละเอียดของเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบ โดยแบ่งเป็นบทเป็นตอน ตามที่ปรากฏอยู่ในสารบัญ<br />เชิงอรรถ ( footnotes )<br />คือส่วนอ้างอิงที่แสดงที่มาของข้อความ ข้อคิดเห็น และเรื่องราวที่อาจเป็นประโยชน์ประกอบเนื้อหาของหนังสือ โดยผู้เขียนนำมาจากเอกสารอื่น บางครั้งเชิงอรรถอาจเป็นการอธิบาย หรือข้อความเสริมเนื้อเรื่องบางตอนให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เชิงอรรถจะปรากฏอยู่ตอนล่างสุดของหน้าต่อจากเนื้อเรื่องในหน้านั้นๆ แต่หนังสือบางเล่มอาจรวมเชิงอรรถทั้งหมดไว้ท้ายบท หรือท้ายเล่ม<br /> บรรณานุกรม (Bibliography ) <br />คือรายชื่อเอกสารที่ผู้เขียนใช้เป็นหลักฐานค้นคว้าประกอบการเขียน และเรียบเรียงหนังสือนั้น เอกสารบรรณานุกรมมีทั้งหนังสือ บทความในวารสาร และสารานุกรมสิ่งพิมพ์อื่นๆ รวมทั้งโสตทัศนวัสดุ บรรณานุกรมอาจอยู่ท้ายบทแต่ละบท หรือจัดรวมท้ายเล่มต่อจากบทสุดท้ายของหนังสือ อาจเรียกว่า เอกสารอ้างอิงก็ได้ บรรณานุกรมมีประโยชน์มากต่อผู้อ่าน ในการค้นคว้า เพิ่มเติมจากรายชื่อเอกสาร ที่รวมอยู่ในบรรณานุกรม<br />ภาคผนวก (appendix )<br />คือส่วนประกอบนอกเหนือจากเนื้อหาที่เพิ่มเข้ามา เพื่ออธิบายเนื้อหาของหนังสือให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ให้ความรู้กว้างขวางและทันสมัย เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน เช่น ตาราง แผนที่ แผนภูมิ ข้อมูลทางสถิติ ตัวอย่างต่างๆ เป็นต้น ภาคผนวกอยู่ต่อจากบรรณานุกรม อาจมีมากกว่า 1 ภาคผนวกก็ได้ หนังสือบางเล่มอาจไม่มีภาคผนวกเลย<br />อภิธานศัพท์ (glossary )<br />คือบัญชีคำศัพท์เฉพาะ หรือคำศัพท์ยากๆ ที่มีกล่าวอยู่ในเนื้อเรื่อง นำมารวบรวมไว้เป็นส่วนหนึ่ง ต่อจากภาคผนวก โดยปกติจะเรียงตามลำดับอักษรของคำ ให้คำอธิบายหรือคำจำกัดความสั้นๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจคำศัพท์เหล่านั้น และสามารถค้นหาคำอธิบายได้สะดวกและรวดเร็ว<br />ดัชนี (index)<br /> คือบัญชีคำหรือหัวข้อย่อย ที่กล่าวไว้ในเรื่อง นำมาจัดเรียงรวมกันตามลำดับอักษรของคำหรือหัวข้อย่อย มีเลขของหน้าที่ปรากฏคำหรือหัวข้อย่อยนั้นๆ จะได้เปิดอ่านตรงส่วนที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องค้นหาตลอดทั้งเล่ม โดยทั่ว ๆ ไป ดัชนีของหนังสือจะอยู่ท้ายเล่มหนังสือ บางเล่มเรียกดรรชนีว่า สารบัญคำ<br /><br />การระวังรักษาหนังสือ<br /><br />การระวังรักษาหนังสือ คือการระวังรักษาไม่ให้สูญหายหรือชำรุดเสียหาย เพราะหนังสือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า จึงควรระวังรักษาให้ใช้ประโยชน์ได้นาน ๆ เพื่อให้ใช้หนังสือได้อย่างคุ้มค่าได้ประโยชน์สูงสุด มีข้อเสนอแนะในการปฏิบัติดังนี้<br />1. การระวังรักษาหนังสือไม่ให้สูญหาย <br /><br />หนังสือของห้องสมุดอาจจะถูกนำออกโดยไม่ถูก ระเบียบ จึงควรป้องกัน ดังนี้<br /> 1.1 จัดให้มีทางเข้าออกทางเดียว เพื่อสะดวกในการควบคุมดูแล<br /> 1.2 อาจะมีเหล็กดัดชนิดตาถี่ๆ หรือตาข่ายเหล็กกั้นหน้าต่าง<br />1.3 ควบคุมระเบียบการยืมให้รัดกุม<br />2. การระวังหนังสือไม่ให้ชำรุดเสียหาย<br /><br />1.1 อย่าเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดสอดไว้ระหว่างสันของหนังสือ<br />1.2 อย่าใช้ของที่มีความหนา เช่น ดินสอ ไม้บรรทัด ยางลบ หรือสมุดคั่นหนังสือ ควรใช้กระดาษบาง ๆ คั่นหรือใช้ที่คั่นหนังสือที่ทำด้วยพลาสติก หรือเป็นริบบิ้น เป็นต้น<br />1.3 อย่าพับมุมกระดาษ เพื่อทำเครื่องหมายหรือเพื่อเหตุผลอื่นใด ควรใช้กระดาษบางหรือที่คั่นหนังสือ (Book Mark)<br />1.4 อย่าขีดเขียนหรือทำเครื่องหมายใด ๆ ลงในหนังสือ ถ้าต้องการจดข้อความในตอนใดที่เห็นว่าสำคัญ ควรจะจดไว้ในสมุดบันทึก ระบุชื่อหนังสือ เลขหน้า และบรรทัดที่… เพื่อจะได้มาดูรายละเอียดได้ภายหลัง หรือจะทำบรรณนิทัศน์สังเขปในกระดาษ ๓ x ๕” ก็ได้<br />1.5 อย่าทำหนังสือเปรอะเปื้อนหรือเปียกชื้น ขณะที่อ่านหนังสือ ควรระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้น้ำหมึก หรือเครื่องดื่มใด ๆ หกราดหนังสือ และถ้าฝนตกในขณะที่กำลังอยู่ บนถนน ไม่ควรใช้หนังสือบังศรีษะแทนร่มโดยเฉพาะอย่างยี่งถ้าหนังสือเล่มนั้น เป็นหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุด ทางที่ดีคือ ควรหลบฝนในที่ใดที่หนึ่งเพื่อความปลอดภัยของท่านเองและหนังสือด้วย<br />1.6 อย่าฉีกส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเป็นอันขาด ถ้าต้องการข้อความตอนใด ควรปฏิบัติตามในข้อ 4 เพราะถ้าท่านฉีก คนหลัง ๆ ก็จะหมดโอกาสใช้หนังสือนั้นอีก ต่อไป<br /><br /><br />วิธีการเปิดหนังสือใหม่<br /><br />ถ้าท่านซื้อหนังสือใหม่มาเล่มหนึ่ง ก่อนที่จะลงมืออ่านอย่างจริงจังควรหุ้มปกกระดาษ สวยงามหรือหุ้มพลาสติกเสียก่อน และทุกครั้งก่อนที่จะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งเล่มใด ควรล้างมือให้สะอาด หรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรเช็ดมือให้สะอาดกว่าปรกติ เพื่อว่าหนังสือจะได้ไม่สกปรกเร็ว เกินไป จากนั้นก็ปฏิบัติตามลำดับดังนี้<br /> <br />หนังสือปกแข็ง<br /> 1. วางสันหนังสือทาบกับพื้นโต๊ะ<br /> 2. เปิดปกหน้าและหลังออกให้กางกับพื้นโต๊ะ ใช้นิ้วมือรีดปกด้านในตอนที่ติดกับสันจากบนลงล่างให้เรียบ<br /> 3. เปิดหนังสือด้านหลังประมาณ 10 แผ่น แล้วใช้นิ้วรีดเช่นเดียวกับข้อ 2<br /> 4. เปิดหนังสือด้านหน้าประมาณ 10 แผ่น แล้วใช้นิ้วรีดเช่นเดียวกับข้อ 2<br />5. ทำสลับกันไปจนถึงกลางเล่ม<br /> ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อว่า ถ้ามีหน้าใดติดกับอีกหน้าหนึ่ง เนื่องจากความใหม่ของกระดาษ หรือเป็นเพราะโรงพิมพ์ตัดกระดาษไม่ขาดจากกันหรือเหตุผลอื่นๆ ที่จะได้จัดขลิบให้เรียบร้อยก่อน ลงมือใช้ ไม่เช่นนั้น ในขณะที่ท่านอ่านอย่างรีบร้อนและพบกระดาษสองแผ่นติดกันอยู่ตรงมุมหรือมากกว่านั้น ก็มักจะฉวยเอาสิ่งของใกล้ตัว เช่น ดินสอ หรือไม้บรรทัด มาตัดกระดาษสองแผ่นนั้นออกจากกัน ทำให้หนังสือไม่เรียบร้อยและอาจฉีกขาดได้<br /> ถ้าหนังสือสองหน้า ผู้พิมพ์ตัดไม่ขาดจากกัน ควรหามีดคมๆ ตัดออก ถ้าใช้ใบมีดโกนควรตัดอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจแฉลบเข้ามาทำให้หนังสือเว้าๆ แหว่ง ๆ ได้<br /> ถ้ามุมของหนังสือพับอยู่ ควรคลี่ออกมาและตัดกระดาษส่วนที่เกินออกไป ไม่ควรฉีก ตรงรอยพับออก<br /><br />หนังสือปกอ่อน ที่เข้าเล่มโดยวิธีไส่สัน ทากาว ควรพับปกหน้าและปกหลังห่างจากสันหนังสือประมาณ 1 ซ.ม.<br /><br /></span><span style="font-family:courier new;"></span>patchahttp://www.blogger.com/profile/18322543170287146809noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4111488336378856096.post-14866579758227444052007-10-28T23:04:00.000-07:002007-10-28T23:04:36.705-07:00การเขียนบรรณานุกรม<em><strong><span style="color:#cc33cc;">การเขียนบรรณานุกรม (Bibliography</span></strong>)<a href="http://chaiprakarn.ac.th/">http://chaiprakarn.ac.th</a><br /></em>บรรณานุกรม (Bibliography) คือ รายชื่อหนังสือหรือวัสดุสารนิเทศที่ผู้เขียนได้ใช้อ้างอิงในการเรียบเรียงหนังสือนั้น อาจอยู่ท้ายเล่มหรือท้ายบทแต่ละบทก็ได้ มีประโยชน์ให้ผู้อ่านได้ทราบว่าหนังสือเล่มนั้น ผู้แต่งได้<br />ค้นมาจากแหล่งข้อมูลได้บ้าง เพื่อให้ผู้อ่านได้มีโอกาสค้นคว้าเพิ่มเติม<br />ประโยชน์ของบรรณานุกรม<br />บรรณานุกรม เป็นรายชื่อหนังสือหรือวัสดุที่ผู้เขียนให้ค้นคว้าประกอบการเขียนหนังสือเล่มนั้นมีไว้สำหรับให้ผู้อ่านทราบว่าผู้เขียนค้นคว้ามาจากที่ใด และถ้าผู้อ่านต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมก็หาอ่านได้จากหนังสือที่แสดงไว้ในบรรณานุกรม<br />รูปแบบการลงรายการบรรณานุกรม<br />ในการเขียนบรรณานุกรม มีรูปแบบที่กำหนดไว้ แต่ละสถาบันอาจแตกต่างกันในเรื่องเครื่องหมายและการย่อหน้า หรือสลับตำแหน่งข้อมูล แต่รายการที่เป็นข้อมูล แต่รายการที่เป็นข้อมูลหลักๆ จะไปแตกต่างกัน<br />รูปแบบของบรรณานุกรมแยกตามประเภทของสิ่งพิมพ์ดังนี้<br /><span style="color:#3366ff;">๑. การลงรายการบรรณานุกรมหนังสือ</span><br />ชื่อผู้แต่ง./ ชื่อหนังสือ./ ครั้งที่พิมพ์./ สถานที่พิมพ์./: /สำนักพิมพ์,/ ปีที่พิมพ์.<br />ตัวอย่าง<br />ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์. การอ่านและการส่งเสริมการอ่าน. กรุงเทพฯ: ศิลปะบรรณาคาร, 2542<br />หลักเกณฑ์การลงบรรณานุกรมหนังสือ มีดังนี้<br />๑.๑ การลงชื่อผู้แต่ง<br />๑) ผู้แต่งคนเดียวที่เป็นชาวไทย ให้ลงชื่อตามด้วยนามสกุลไม่ลงนามสกุลไม่ลงคำนำ<br />หน้านาม เช่น นาย นางสาว นายแพทย์ ดร.ศาสตราจารย์<br />เช่น นายไพฑูรย์ พงศะบุตร ใช้ว่า ไพฑูรย์ พงศะบุตร ศ.ดร.ก่อ สวัสดิพาณิชย์ ใช้ว่า ก่อ สวัสดิพาณิช<br />๒) ผู้แต่งคนเดียวที่เป็นชาวต่างประเทศ ให้ลงนามสกุลก่อนชื่อและใช้เครื่องหมายจุลภาคคั่น<br />เช่น เฮมมิงเวย์, เออร์เนสต์ Chart; Robert<br />๓) ผู้แต่ง ๒-๓ คน ให้ลงชื่อหมดทุกคนโดยใช้เครื่องหมายจุลภาคคั่น ใช้คำว่า “และ” เชื่อม<br />เช่น ประเสรฐ ณ นคร, และอุทิศ นาคสวัสดิ์ สนั่น สมิตร, ทองศุข พงศทัต, และบัวเรศ คำทอง<br />๔) ผู้แต่งมากกว่า ๓ คน ให้ลงชื่อคนแรกตามด้วยคำว่า “และคนอื่นๆ” สำหรับหนังสือภาษาต่างประเทศให้ใส่เครื่องหมายจุลภาคหลังผู้แต่งคนแรกตามด้วย “and others” หรือ “et al”<br />เช่น บรรจบ พันธุเมธา และคนอื่นๆ<br />Berdie,Rolph F., and others Berdie,Rolph F., et al.<br />๕) ผู้แต่งที่เป็นพระมหากษัตริย์ พระราชินี เจ้านาย และพระบรมวงศานุวงศ์ ให้คงราชทินนามฐานันดรศักดิ์ และใส่ไว้ท้ายชื่อ เช่น ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<br />เทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระพูนพิศมัย ดิศกุล, ม.จ.หญิง<br />๖) ผู้แต่งมิได้เขียนหนังสือเองแต่เป็นผู้รวบรวม ผู้จัดพิมพ์ หรือ บรรณาธิการ ให้ใส่วงเล็บ<br />เช่น ทวน วิริยาภรณ์ (ผู้จัดพิมพ์) สุชาติ สวัสดิศรี (บรรณาธิการ)<br />๗) ผู้แต่งเป็นสถาบัน องค์การ หน่วยราชการให้ลงรายการดังตัวอย่าง<br />เช่น ศึกษาธิการ,กระทรวง ธรรมศาสตร์,มหาวิทยาลัย. รามาธิบดี, โรงพยาบาล.<br /><br />๑.๒ การลงรายการชื่อหนังสือ ให้ลงต่อจากชื่อผู้แต่ง ขีดเส้นใต้หรือพิมพ์ตัวหนาและตามด้วยเครื่องหมายมหัพภาค (.) เช่น ประยูร อุลุชาฎะ. จิตกรรมฝาผนัง.<br /><br />๑.๓ การลงรายการพิมพ์ลักษณ์ รายการที่เกี่ยวกับ ได้แก่ ครั้งที่พิมพ์ สถานที่พิมพ์ ผู้จัดพิมพ์ และปีที่พิมพ์ โดยดูรายละเอียดได้จากหน้าปกในหรือด้านหลังของหน้าปกใน ถ้าไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์ ให้ใช้ดังนี้<br />- หนังสือภาษาไทย ใช้คำย่อ ม.ป.ท. (ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์) โดยใส่ไว้ในวงเล็บ (ม.ป.ท.)<br />- หนังสือภาษาอังกฤษ ใช้คำย่อ n.p. (no placa of puplication) โดยใส่ไว้ในวงเล็บ (n.p.)<br />ถ้าไม่ปรากฏปีที่พิมพ์ ให้ใช้ดังนี้<br />- หนังสือภาษาไทย ใช้คำย่อ ม.ป.ป. (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) ใส้ไว้ในวงเล็บ (ม.ป.ท.ป.)<br />- หนังสือภาษาอังกฤษ ใช้คำย่อ n.d. (no date)<br /><br /><span style="color:#3366ff;">๒. การลงรายการบรรณานุกรมบทความในวารสาร<br /></span>ชื่อผู้เขียนบทความ.// “ชื่อบทความ,” / ชื่อวารสาร.// ตัวเลขของปีที่,<br />//////// ตัวเลขของฉบับที่ วัน เดือน ปี), เลขหน้า.<br /><br />ตัวอย่าง<br />วิมล ไทรนิ่มนวล. “บัวหลวงดอกไม้ของนักเขียนซีไรท์,” ไลท์ แอนด์ แฟมิลี. 56.5<br />(พฤศจิกายน 2543), 184-185<br /><br /><span style="color:#3366ff;">๓. การรายการบรรณานุกรมบทความในหนังสือพิมพ์</span><br />ชื่อผู้เขียนบทความ.// “ชื่อบทความ,” /ชื่อหนังสือพิมพ์./ วัน เดือน ปี,/ หน้า.<br />ตัวอย่าง<br />พนิดา ไทยพิทักษ์กุล. “ไมรโครเวฟอันตราย? ใช้อย่างไรปลอดภัยสึด สุด “เดลินิวส์.<br />14 ธันวาคม 2543 หน้า 5.<br /><br /><span style="color:#3366ff;">๔. การลงรายการบรรณานุกรมบทความจากสารานุกรม<br /></span>ชื่อผู้เขียนบทความ./ “ชื่อบทความ.”// ชื่อสารานุกรม.// เล่มที่.// เลขหน้า ที่ปรากฏบทความ<br /><br /><br /><br />ตัวอย่าง<br />ธรรมรักษ์ การพิศิษฐ์. และสมบัติ ชุตินันท์. “แผนพัฒนาประเทศ.”<br />สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่ม 24 หน้า 277-313.<br /><br /><span style="color:#3366ff;">๕. การลงรายการบรรณานุกรมโสตทัศนวัสดุ<br /></span>ชื่อผู้ผลิตเนื้อหา.// ชื่อเรื่อง.// ประเภทของโสตทัศนวัสดุ.// ปีที่จัดทำ.<br />ตัวอย่าง<br />สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. อาณาจักรกรุงศรีอยุธยา.<br />วีดีทัศน์. ม.ป.ป.<br /><br /><span style="color:#3366ff;">๖. การลงรายการบรรณานุกรมสืออิเล็กทรอนิกส์<br /></span>ชื่อผู้เขียน.// “ชื่อเรื่อง.” // ใน.// ชื่อเรื่องหลัก<br /> (ที่อยู่ของเอกสารในอินเทอร์เน็ต) // ปีที่เผยแพร่ข้อมูล.<br />ตัวอย่าง<br />โอฬาร พิทักษ์วงศ์. และอื่นๆ. “กล้วยไม้.” ใน. ความรู้สู้วิกฤตเศรษฐกิจไทย.<br />(http;//web.ku.ac.th/agri/menu 101.thm) 13 มีนาคม 2542.<br /><br /><br /><span style="color:#cc33cc;">การเขียน และการพิมพ์บรรณานุกรม</span><br />๑. ในหน้าแรกของบรรณานุกรม ให้พิมพ์คำว่า บรรณานุกรม ไว้กลางหน้ากระดาษตอนบนไม่ต้องขีดเส้นใต้ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษพิมพ์คำว่า BIBLIOGRAPHY พิมพ์ด้วยตัวพิมพ์ใหญ่<br />๒. การเขียน หรือพิมพ์ บรรทัดแรกชิดขอบห่างจากริมกระดาษ ๑.๕ นิ้ว และถ้ามีข้อความต่อจากบรรทัดแรก ขึ้นบรรทัดที่ ๒ ให้ย่อหน้า ๘ ระยะตัวอักษร<br />๓. รายละเอียดของบรรณานุกรมเกี่ยวกับ ชื่อผู้แต่ง ชื่อหนังสือ วารสาร สิ่งพิมพ์อื่นๆ สถานที่พิมพ์ สำนักพิมพ์ ปีที่พิมพ์ ให้ใช้ข้อมูลจากกน้าปกใน ถ้าไม่มีหน้าปกในให้ใช้รายละเอียดจากปกนอก<br />๔. การจัดเรียงบรรณานุกรม ให้เรียงตามลำดับอักษรตามแบบพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานโดยไม่ต้องใส่เลขลำดับรายการ ให้เรียงลำดับบรรณานุกรมภาษาไทยไว้ก่อน แล้วต่อด้วยบรรณานุกรมภาษาอังกฤษpatchahttp://www.blogger.com/profile/18322543170287146809noreply@blogger.com0